โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
---|---|
ความเป็นเลิศทางวิชาการและ คุณธรรม นิมิตฺตํ สาธุ รูปานํ กตญฺญู กตเวทิตา (ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี) | |
227 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 | |
ข้อมูล | |
ชื่ออังกฤษ | Triam Udom Suksa School |
อักษรย่อ | ต.อ. / TU |
ประเภท | โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายขนาดใหญ่พิเศษ |
สังกัด | กระทรวงศึกษาธิการ |
สถาปนา | 3 มกราคม พ.ศ. 2480 (พ.ศ. 2481 ถ้านับตามสากล) (700181000000000000081 ปี 700186000000000000086 วัน) |
ผู้ก่อตั้ง | ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล |
รหัส | 1000100701 |
ผู้อำนวยการ | โสภณ กมล |
จำนวนนักเรียน | 4,380 คน ปีการศึกษา 2561[1] |
ภาษา | ภาษาที่มีการเรียนการสอนในโรงเรียน ภาษาไทย |
สี | ███ สีชมพู |
เพลง | ใจเกเร ไฟล์:ปิ่นหทัย (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา).mp3 |
ต้นไม้ประจำโรงเรียน | ต้นจามจุรี |
เว็บไซต์ | www.triamudom.ac.th |
เตรียมอุดมศึกษา (กรุงเทพมหานคร)
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (อังกฤษ: Triam Udom Suksa School) เป็นโรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งแรกของประเทศไทย อยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480 (ขณะนั้นนับวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ นับอย่างสากลถือเป็น พ.ศ. 2481) โดยมติของสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มี ฯพณฯ ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นผู้อำนวยการท่านแรก
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตั้งอยู่เลขที่ 227 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีอาณาบริเวณติดกับหลายคณะ ได้แก่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ นอกจากนี้ภายในพื้นที่เช่าของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษายังเป็นที่ตั้งของกลุ่มอาคารจุฬาวิชช์กับที่ตั้งของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ปทุมวัน
เนื้อหา
1 ประวัติโรงเรียน
1.1 ก่อกำเนิด
1.2 สังกัดกรมศึกษาธิการ
1.3 เครือข่ายวิชาการแห่งจุฬาฯ
2 รายนามผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
3 รายพระนามและรายนามนักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียง (เรียงลำดับตามรุ่น)
4 อาคารและสถานที่ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
5 หลักสูตรที่เปิดสอน
6 กิจกรรมนักเรียน
7 รายนามกลุ่มโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
8 กีฬาสานสัมพันธ์
8.1 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา-โรงเรียนเตรียมทหาร
8.2 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา-โรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน
8.3 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา-โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
9 ดูเพิ่ม
10 อ้างอิง
11 แหล่งข้อมูลอื่น
ประวัติโรงเรียน
ก่อกำเนิด
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เดิมชื่อว่า "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" เกิดขึ้นตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๗๙ ซึ่งกำหนดระเบียบการศึกษาไว้คร่าว ๆ ดังนี้
|
แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ ออกมาในสมัยต้นรัชกาลที่ 8 โดยมีพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นนายกรัฐมนตรี นาวาเอก หลวงศุภชลาศัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ หลวงโกวิทอภัยวงศ์และขุนสุคนธวิทย์ศึกษากรเป็นรัฐมนตรี พระตีรณสารวิศวกรรมเป็นปลัดกระทรวง หม่อมเจ้ารัชฎาภิเษก โสณกุลเป็นอธิบดีกรมศึกษาธิการ โดยเหตุที่ลดชั้นมัธยมบริบูรณ์ลงเหลือเพียงมัธยมปีที่ 6 และจัดชั้นเตรียมอุดมศึกษาขึ้นนั้นมีกล่าวไว้ว่า "แผนการศึกษาชาติซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๗๕ นั้น มีระยะเวลาในการศึกษาสามัญยาวเกินสมควร นักเรียนต้องเสียเวลาเรียนในสายสามัญถึง ๑๒ ปี และยังจะต้องไปเข้าเรียนต่อในสายวิสามัญอีก ซึ่งเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วจะเห็นได้ว่าโครงการศึกษาเก่าของเรากำหนดเวลาเรียนไว้เป็นเวลานานมาก"
แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. ๒๔๗๙ ประกาศออกเมื่อใกล้จะสิ้นปี และเนื่องจากดำเนินการไม่ทัน จึงได้มีการตกลงให้ทั้งปี พ.ศ. 2480 เป็นปีสำหรับเตรียมงานหนึ่งปีเต็ม ขุนสุคนธ์วิทย์ศึกษากร รัฐมนตรีสั่งราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ ได้มีหนังสือเวียนลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2480 ส่งไปยังกระทรวงกลาโหม มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองและจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมีข้อความว่า
|
สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้กว่า 8 เดือน พิจารณาว่าควรจะจัดหรือไม่ จึงเสียเวลามากและเป็นเหตุให้เหลือเวลาน้อยสำหรับผู้ที่จะทำงานขั้นเตรียมการ ขณะนั้น พันเอก หลวงพิบูลสงครามเป็นอธิการบดีและยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกด้วย หลวงแมนวิชาประสิทธิ์เป็นเลขาธิการของมหาวิทยาลัย หลวงพรตพิทยพยัตเป็นคณบดีคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลเป็นหัวหน้าแผนกฝึกหัดครูมัธยม คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมัธยมหอวังแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในที่สุดสภามหาวิทยาลัยได้ลงมติให้จัดตั้ง "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย" เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480 โดยสภามหาวิทยาลัยประชุมในตึกอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงถือว่าวันนั้นเป็นวันก่อตั้งของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
สามวันต่อมา อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เรียกหม่อมหลวงปิ่น มาลากุลเข้าไปพบและมอบหมายให้จัดตั้ง "โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย" ขึ้น โดยใช้สถานที่โรงเรียนมัธยมหอวังฯ (โรงเรียนหอวัง) แต่ให้ขยายไปจนจดถนนสนามม้า ให้ร่างโครงการเขียนแบบแปลนก่อสร้างอาคารเพิ่มเติม หาครูอาจารย์เขียนหลักสูตร ร่างระเบียบรวมทั้งระเบียบการรับสมัครนักเรียนด้วย ซึ่งได้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก นายสนั่น สุมิตรและหม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร เป็นต้น เมื่อการจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเป็นไปด้วยความราบรื่น ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการท่านแรกของโรงเรียนในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2480 โดยเปิดสอนโรงเรียนเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2481 และนักเรียนได้เริ่มเรียนตามตารางสอนเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2481 โดยที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยเป็นโรงเรียนสหศึกษาแห่งแรกในประเทศไทย ในช่วงชั้นก่อนระดับอุดมศึกษา
ส่วนโรงเรียนมัธยมหอวังนั้น ก็ได้ยุบชั้นไปทีละน้อย ในปี พ.ศ. 2481 ได้ยืมอาคารในโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวายเป็นสถานที่เรียน สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่ได้ส่งนักเรียนไปฝากย้ายเข้าเป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์บ้าง ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2483 กระทรวงได้ให้โอนโรงเรียนมาสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างเด็ดขาดแต่การยุบชั้นนั้นก็ต้องทำต่อไปใน พ.ศ. 2486 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย มีนักเรียนเหลืออยู่เพียง 14 คน ทางราชการมิได้ประกาศยุบโรงเรียน แต่นักเรียนหมดไปเอง ส่วนครูอาจารย์นั้นได้โอนไปที่อื่นบ้าง แต่ส่วนใหญ่ได้โอนมาสังกัดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาทีละน้อยจนหมดเหมือนกัน
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในปีแรก ๆ ได้เจริญขึ้นเป็นลำดับ ทางด้านวิชาการเป็นที่พอใจ เมื่อนักเรียนศึกษาจบหลักสูตรสองปีแล้ว โรงเรียนก็จัดให้เข้าแถวเดินไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อทำพิธีมอบตัวให้เข้าศึกษา โรงเรียนได้จัดสร้างตึกเรียนเพิ่มขึ้นจนจดสนามม้า ทางด้านกีฬานักเรียนเล่นฟุตบอล ฮอกกี้ รักบี้ ฯลฯ และได้โล่ในการแข่งขันรักบี้กับโรงเรียนอื่น ๆ ด้วย โรงเรียนไปศึกษาหาความรู้ในต่างจังหวัดหลายครั้งหลายจังหวัด เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครราชสีมา เพชรบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง เป็นต้น
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษายังได้รื้อฟื้นประเพณีไหว้ครู โดยใช้คำประพันธ์ที่แต่งใหม่ขึ้นเมื่อต้นปีการศึกษา 2484 จนบัดนี้กลายเป็นประเพณีที่โรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศปฏิบัติสืบมา นอกจากนี้โรงเรียนยังได้จัดให้มีพิธีมอบตัวนักเรียน แต่ประเพณีนี้ได้ล้มเลิกไป เนื่องจากความไม่สะดวกต่าง ๆ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
มรสุมทางการเมืองกระทบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เมื่อมีเหตุการณ์กรณีพิพาทอินโดจีน โดยมีการเดินขบวนเรียกร้องดินแดนกัน นักเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็ไปร่วมเดินขบวนด้วย อาจารย์ชายต่างสมัครเข้าช่วยราชการทหาร ส่วนอาจารย์สตรีต่างสมัครเป็นอาสากาชาดเป็นจำนวนมาก นักเรียนต่าง ๆ ก็ช่วยกันทำงานอุตสาหกรรม ทำถุงของขวัญและบรรจุของขวัญเป็นการใหญ่ส่งไปให้ทหารที่ปฏิบัติการในสนาม งานนี้เริ่มด้วยซื้อผ้าไทยที่ร้านไทยอุตสาหกรรมตัดแจกนักเรียนหญิง อาจารย์สตรีพนักงานและเสมียนหญิง ตลอดจนอาจารย์ชายที่มีครอบครัว ให้ไปทำถุงตามแบบที่กำหนดให้มา "สวัสดีมีชัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมอบให้ทหารหาญของชาติไทย" ของที่ใส่ในถุงมีไม้ขีดไฟ 5,558 กลัก บุหรี่ 3,306 ซอง ที่เป็นกระป๋องและเป็นมัดก็มีอีกมาก ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า แปรงสีฟัน ถุงเท้า สบู่กว่า 2,000 ก้อน ยังมีของแปลก ๆ เช่น ขวาน ผ้าประเจียด ตะกร้อ กางเกง น้ำมันใส่ผม ฯลฯ ทำอยู่ 3 วันจึงเสร็จได้ 1,500 ถุง ระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม โรงเรียนได้ต้อนรับทหารกองทัพที่ 30 (ลำปาง) มาพักอยู่ที่โรงเรียน
สิ้นเดือนมีนาคม วิทยุกระจายเสียงประกาศเปลี่ยนนโยบายการศึกษาของชาติตามมติคณะรัฐมนตรี มีสาระสำคัญ 4 ข้อคือ
- ให้ตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นอีก
- ให้โรงเรียนราษฎร์จัดชั้นเตรียมอุดมศึกษาได้และเมื่อมีเพียงพอแล้ว ให้ยุบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาของรัฐบาล
- ให้มีการสอบแบบ Matriculation เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย
- ให้มีกรรมการคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ประกอบด้วย พลเรือโท หลวงสินธุสงครามชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ เป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนก.พ. ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และผู้แทนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นกรรมการ
ข่าววิทยุกระจายเสียงเรื่องนี้ มีผลกระทบกระเทือนจิตใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่สองวันต่อจากนั้นวิทยุกระจายเสียงเสนอข่าวโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองประกาศรับสมัครสำหรับปีการศึกษาใหม่ จะรับ 500 คน เสมือนว่ามิคำนึงถึงนโยบายใหม่ของรัฐบาล ทำให้ชาวเตรียมอุดมที่ถนนพญาไทมีใจขึ้นเป็นกอง นโยบายของรัฐบาลมีจุดประสงค์คือต้องการให้คนมีอาชีพชั้นสูงมากขึ้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผลิตคนไม่ทันใช้ รัฐบาลจึงจะจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่หัวเมืองอีกสัก 4 แห่ง ตามหัวเมืองรัฐบาลอาจตั้งโรงเรียนเตรียมขึ้นได้ แต่ในกรุงเทพฯ รัฐบาลจะไม่ทำ จะให้โรงเรียนเตรียมฯ นั้น เริ่มยุบชั้นปีที่ 1 ในปีหน้านักเรียนที่สอบตกนั้น ฝากที่อื่นให้ได้ ต่อไปกระทรวงจะจัดสอบ Matriculation แต่ไม่มาขวางหน้า
มีคนพูดกันมากว่า เมื่อโรงเรียนราษฎร์เปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษากันมาก ๆ นักเรียนก็จะเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้หมดเหลือตกค้างกันอีก ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อแสดงว่าโรงเรียนมีประโยชน์มาก โดยเสนอไปยังท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการว่าในปีการศึกษา 2484 นี้ จะรับนักเรียนให้ถึง 1,000 คน (ปี พ.ศ. 2483 รับเพียง 568 คนเท่านั้น) ซึ่งรัฐมนตรีมีความปิติยินดีเป็นอย่างมาก แต่เมื่อทำเรื่องเสนอเป็นทางการไปยังท่านอธิการบดี ท่านกลับบอกว่า เมื่อจะยุบโรงเรียนแล้วจะขยายไปทำไมกัน ควรจะรับเพียง 600 คน แม้ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะใหญ่กว่าอธิการบดี แต่ในขณะนั้นอธิการบดีได้ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย ทำให้มีเสียงดังกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มีการเจรจาผ่อนผันให้โรงเรียนรับนักเรียน 690 คน
โดยการเรียนระยะนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย จึงตกลงรีบสอบไล่ให้เสร็จสิ้นไปเสีย เรียนได้แค่ 9 วันเท่านั้น ถึงวันสอบไล่จริงมีคำสั่งมาว่าให้งดสอบ นักเรียนผู้ใดมีเวลาเรียนถึงร้อยละ 60 ให้ถือว่าสอบไล่ได้ ก่อนที่จะถึงปีการศึกษาใหม่ หลายคนเรียกการสอบไล่ครั้งนี้ว่า "โตโจสงเคราะห์" ซึ่งสงเคราะห์นักเรียนทั้งประเทศ ต่อมาได้ย้ายสำนักงานไปของโรงเรียนจากตึก 6 ไปยังตึก 5
ในปี พ.ศ. 2485 ได้เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งเมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งทั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ มีพันเอก ประยูร ภมรมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่องการยุบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาดูเงียบไปแล้ว แต่เรื่องราวการจัดตั้งโรงเรียนเตรียมในหัวเมืองมิได้เงียบไปด้วย กระทรวงจึงจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคพายัพขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เรียกอย่างย่อว่า ต.อ.พ. โดยใช้สถานที่ของโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยและโรงเรียนดาราวิทยาลัยของเพรสบิเทเรียนมิชชั่นที่ต้องปิดไปเพราะสงคราม ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2485 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยซึ่งกำลังบ้านแตกสาแหรกขาดอยู่นั้น ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดโรงเรียนดังกล่าวขึ้นมา โรงเรียนทั้งสองนี้จึงมีผู้อำนวยการคนเดียวกันแต่มีรองผู้ำอำนวยการแยกกัน โดยนายสงวน เล็กสกุล ไปเป็นรองผู้อำนวยการ ต.อ.พ. และนางสาวดารา ไกรฤกษ์ ไปเป็น อ.ป.ส. ดูแลฝ่ายหญิงอยู่ทางดาราวิทยาลัย ต.อ.พ. มิใช่ที่อพยพของโรงเรียนทางกรุงเทพฯ และยังมีตราและสีเป็นของตนเองและนักเรียนที่ทางโรงเรียนเตรียมที่กรุงเทพฯ ไม่อนุญาตให้เรียนแล้วไปเข้าเรียนที่ ต.อ.พ. ได้ เพราะไม่ใช่โรงเรียนเดียวกัน
โรงเรียนอพยพทางกรุงเทพฯ ก็ได้เปิดเรียนเมื่อต้นปีการศึกษา พ.ศ. 2485 มีพิเศษคือจัด "หลักสูตรเร่ง" ให้นักเรียนเตรียมวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์เร่งหลักสูตร 3 ภาคเรียนให้จบใน 2 ภาค ถึงเดือนตุลาคมน้ำท่วมใหญ่ โรงเรียนต้องปิดไปอีกเดือนครึ่งระหว่างน้ำท่วม ในปี พ.ศ. 2486 กิจการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาหัวเมืองขยายตัว เปิดรับสมัคร จัดสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์นักเรียนที่จะเข้า ต.อ.พ. ที่เชียงใหม่ พิษณุโลกและกรุงเทพฯ ทางกรุงเทพฯ สอบคัดเลือกที่ตึก 2 (หอใหม่) ตึก 6 (ตึกสถาปัตยกรรมศาสตร์) และตึกอักษรศาสตร์ แต่พอถึงเวลาเปิดภาคการศึกษา 2486 ทหารญี่ปุ่นได้ออกไปจากโรงเรียนแล้ว นักเรียนจึงได้เข้าเรียน ณ ที่เดิม แต่ยังคงต้องใช้หอใหม่ต่อไปเพราะจำนวนนักเรียนมาก ห้องเรียนในตัวโรงเรียนก็ไม่พอ ระยะนี้เรียกหอใหม่ว่าตึก 4 เพื่อไม่ให้ซ้ำกับตึก 2 ในโรงเรียน แต่เมื่อห้องเรียนในตัวโรงเรียนว่างลง เพราะนักเรียนบางประเภทจบหลักสูตรเร่งกลางปี โรงเรียนก็ย้ายนักเรียนจากหอใหม่มาบ้างเป็นบางห้อง เมื่อวันที่ 1 มกราคม โรงเรียนได้จัดตั้ง "ห้อง 252" ขึ้นที่ตึก 3 เป็นที่สำหรับอาจารย์พักผ่อน เล่นกีฬาในร่มและสนทนาวิสาสะกัน ทำนองสโมสรอาจารย์ยังคงเป็นห้อง 252 อยู่จนทุกวันนี้
ต่อมาได้มีปัญหาการย้ายโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไปยังจังหวัดลพบุรีตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลจึงยื่นใบลาออก และเสนอให้นายสนั่น สุมิตร ไปเป็นเลขานุการกรมสามัญศึกษา ให้หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูรดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยและให้นายสงวน เล็กสกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคพายัพ เรื่องนี้ได้หายไปนานจนกระทั่งอธิการบดีได้สั่งอนุมัติเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ให้นายสนั่น สุมิตร ไปดำรงตำแหน่งอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยและให้หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูรรักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
เป็นปลัดกระทรวง หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลเป็นเลขาธิการมหาวิทยาลัยอีกตำแหน่ง
หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ขอร้องให้หม่อมหลวงปิ่น กลับมาดำรงตำแหน่งหรือมิเช่นนั้นก็ขอให้นายสนั่น สุมิตร มาแทน ทางราชการจึงได้แต่งตั้งให้นายสนั่น สุมิตร เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาคนที่สอง ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2487 และในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2487 หม่อมเจ้ารัชฎาภิเษก โสณกุลเสด็จมาดำรงตำแหน่งอธิการบดี
ภัยสงครามได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงมาในพระนคร กระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งปิดโรงเรียนทั่วพระนคร และให้งดสอบประจำปี ให้นักเรียนซ้ำชั้นในปีการศึกษา 2488 ทั้งหมด และด้วยเหตุนี้เอง นักเรียนเตรียมอุดมศึกษาจึงขาดไปหนึ่งรุ่น (รุ่น 9) ไม่มีการสอบคัดเลือกรับนักเรียนใหม่ในปี พ.ศ. 2488
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 ทุกคนมีความยินดี เกิดมีความหวังว่าทุกอย่างจะกลับสู่ภาวะปกติ แต่ความหวังของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษากลับสูญสิ้นไปภายในไม่กี่วัน เพราะทางทหารสัมพันธมิตรที่มีชัยชนะต้องการเอาอาคารสถานที่มากมายหลายแห่งรวมทั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาด้วย และถกเถียงกันว่าจะใช้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเป็นที่อยู่ของทหารหรือเชลยศึก ในที่สุดทหารแขกกูรข่าและทหารอังกฤษผลัดกันเข้าพักอาศัย โรงเรียนเลยมีประวัติสร้างสถิติในการต้อนรับทหาร เพราะทหารไทยและทหารญี่ปุ่นก็ได้เคยเข้ามาอยู่แล้วในปลายปี พ.ศ. 2484 และต้นปี พ.ศ. 2488 ตามลำดับ
ผู้อำนวนการสนั่น สุมิตรถึงกับหัวเสีย เพราะต้องขนย้ายสำนักงานของโรงเรียนอย่างรีบด่วนถึง 3 ครั้งภายใน 7 วันไปอยู่ที่ตึกยุวชนทหาร ซึ่งได้เปลี่ยนสภาพเป็นตึก "จุฬาภัณฑ์" ก่อนย้ายไปยังอาคารสโมสรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและย้ายต่อไปที่หอใหม่ในที่สุด โรงเรียนทั่วไปในพระนครและธนบุรี เปิดใหม่กันเป็นรุ่น ๆ แต่สำหรับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษานั้นดูยังไม่มีหวังเพราะทหารต่างชาติเข้ามาอยู่ในโรงเรียนและอาคารโรงเรียนอื่น ๆ ก็มีเจ้าของ ทางราชการขออาจารย์โรงเรียนเตรียมไปเป็นล่ามบ้าง ไปเป็นเจ้าหน้าที่จดบัญชีทรัพย์สินของชนชาติศัตรูบ้าง และในระยะหลังได้ส่งอาจารย์วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ไปช่วยกระทรวงอบรมครูด้วย แม้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดทำการสอนในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็ยังปิดต่อไปเพราะไม่มีที่เรียน
เมื่อเสร็จสงคราม จะต้องเจรจาสันติภาพก็จำต้องเปลี่ยนรัฐบาล นายทวี บุณยเกตุเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอีกตำแหน่งหนึ่ง ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน พระตีรณสารวิศวกรรม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ คณะรัฐบาลชุดนี้อยู่เพียง 17 วันก็ลาออก เปิดทางให้หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชมาดำรงตำแหน่งแทน พระตีรณสารวิศวกรรมได้กลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในคณะรัฐมนตรีใหม่ มีนายสงวน ตุลารักษ์และนายเตียง ศิริขันธ์เป็นรัฐมนตรีสั่งราชการ
สังกัดกรมศึกษาธิการ
ความรู้สึกเกี่ยวกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาระยะนี้ก็ไม่สู้จะดีนัก ทางฝ่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นว่านักเรียนเตรียมอุดมศึกษาจำนวนมากนักและก็ไม่ได้เล่าเรียนเต็มเม็ดเต็มหน่วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะรับไว้ไม่ได้ทั้งหมด จะต้องมีการสอบคัดเลือกอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งความวุ่นวายยุ่งเหยิงทั้งหลายเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนทางด้านประชาชนทั่วไปนั้นก็ได้วิจารณ์ต่าง ๆ นานาเช่น
- ทำไมจึงให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ ผูกขาดการเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโรงเรียนเดียว
- ขอให้โรงเรียนอื่น ๆ เปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาด้วยเถิด ชั้นมัธยมปีที่ 8 ก็เคยสอนมาแล้ว ถ้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสอนดี นักเรียนเตรียมก็คงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้หมดตามเดิมไม่เดือดร้อนอะไร
- อยากให้นักเรียนที่จบมัธยมปีที่ 6 ได้เรียนต่อเพื่อจะได้มีความรู้สูงขึ้นมากกว่าที่จะให้ได้เข้ามหาวิทยาลัย ไม่ให้เข้าก็ไม่เป็นไร
ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ทางมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจึงได้ร่วมกันพิจารณาที่จะเปิดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้ได้ เพราะทนปิดต่อไปไม่ไหวแล้ว กรมสามัญศึกษาจะเอื้อเฟื้อให้ยืมสถานที่ในโรงเรียนบางแห่ง สภามหาวิทยาลัยได้ประชุมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ตกลงให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไปเปิดสอนที่โรงเรียนมัธยมวัดไตรมิตร โรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส โรงเรียนศึกษานารี โดยจัดให้สองสองผลัด นักเรียนหญิงตอนเช้านักเรียนชายตอนบ่าย แต่ยังไม่ทันดำเนินการ ทหารแจ้งว่าต้องการใช้โรงเรียนศึกษานารี จึงต้องเปลี่ยนใหม่ ได้โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามมาแทน โรงเรียนเจ้าของสถานที่เอื้อเฟื้อเป็นอย่างมากโดยจัดนักเรียนของตนไปเรียนเป็นผลัดบ่าย ณ โรงเรียนอื่นแทน
ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เชิญผู้แทนมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาประชุม และชี้แจงว่าจำเป็นจะต้องอนุโลมตามเสียงของประชาชน แต่จะตั้งชั้นมัธยมปีที่ 7 - 8 ขึ้นก็ไม่ได้เพราะขัดกับแผนการศึกษา จึงจะให้ขยายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแทน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่มีอยู่ก็ให้จัดต่อไป แต่จะให้โรงเรียนรัฐบาลแห่งอื่นและโรงเรียนราษฎร์เปิดสอนได้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยนั้น เมื่อโอนมาอยู่ทางกรมสามัญศึกษาได้ก็ให้โอนมา กระทรวงจะเป็นผู้จัดสอบประโยคเตรียมอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะจัดสอบคัดเลือกผู้ที่จะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยอีกชั้นหนึ่ง ในการประชุมครั้งต่อมา กำหนดให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยรับนักเรียนใหม่ในปีการศึกษา พ.ศ. 2489 จำนวน 100 คนและกำหนดจะให้เปิดสอนชั้นเตรียมอุดมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลในจังหวัดพระนคร ธนบุรี พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ สงขลาและอุบลราชธานี จังหวัดละ 2 โรงเรียน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการรื้อฟื้นชั้นมัธยมปีที่ 8 กลับมาอีก ไม่เหมือนนโยบายที่ประกาศครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2484 เพราะกลับเพิ่มชั้นเตรียมอุดมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลแทนที่จะยุบ เรื่องนี้ได้พูดกันในที่ประชุมกรรมการอำนวยการคุรุสภาครั้งหนึ่ง กรรมการบางท่านไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ บอกว่าเป็นการเตรียมเสมียนและเป็นยาหอมสำหรับประชาชนมากกว่าอย่างอื่น เหตุการณ์นี้เป็นผลให้โรงเรียนเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองมีอันยุบไป
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยก็ได้จัดการสอบคัดเลือกรับนักเรียนสำหรับโรงเรียนของตนเอง ประชาชนยังนิยมอยู่ มีผู้สมัครมากกว่าโรงเรียนอื่น ๆ โรงเรียนรัฐบาลในส่วนกลางแห่งหนึ่งมีผู้สมัครเพียง 30 คนเท่านั้น ขณะที่สมัครที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย 1,112 คน ทุกโรงเรียนสอบคัดเลือกพร้อมในวันเดียวกัน พอสอบรับสมัครนักเรียนใหม่แล้ว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็จัดการสอบประจำปี พ.ศ. 2487 ซึ่งค้างเติ่งมาถึงต้นปีการศึกษา 2489 สอบปี 1 และปีที่ 2 พร้อมกัน มีผู้สอบประมาณ 3,000 คน ในจำนวนนี้ จบหลักสูตรได้เข้ามหาวิทยาลัย 664 คน จำนวนนักเรียนที่เหลือศึกษาอยู่ในโรงเรียนจึงมากพอใช้
สิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2489 ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรจึงได้คืนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้แก่ประเทศไทย โดยมีทหาร ส.ห. เป็นผู้รับมอบแล้วจึงมอบให้แก่โรงเรียนอีกชั้นหนึ่ง บัดนี้นักเรียนก็ได้ทยอยกลับเข้ามาเรียนยังโรงเรียนทีละนิด ผู้อำนวยการโรงเรียนร้องว่าจะซ่อมโรงเรียนไปทำไมกัน เมื่อสภามหาวิทยาลัยประชุมตกลงว่าจะให้ย้ายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไปสังกัดกรมสามัญศึกษา ซึ่งขณะนั้นดูเหมือนหมายความว่าจะให้ย้ายอาจารย์และนักเรียนไปจากโรงเรียนเดิมให้หมดด้วย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ต่อสู้ที่จะอยู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่เป็นผลสำเร็จ เกิดความยุ่งยากบางอย่างที่ไม่ได้คาดฝัน เช่นในต้น พ.ศ. 2490 ทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกรมสามัญศึกษาต่างก็จะไม่วางฎีกาเบิกเงินเดือนให้ครูอาจารย์ เรื่องการโอนโรงเรียนนี้จึงโอ้เอ้กันอยู่นาน ในที่สุดได้โอนกันเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 แต่โอนเฉพาะสังกัด ยังใช้สถานที่โรงเรียนเดิมไม่ต้องโยกย้ายไปที่อื่น
เรื่องนี้กระทบกระเทือนจิตใจอาจารย์โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไม่น้อยกว่าเมื่อได้ยินวิทยุกระจายเสียงประกาศว่าจะยุบโรงเรียน เสียดายพระเกี้ยว ซึ่งเป็นตราของโรงเรียนอยู่เช่นเดียวกับของมหาวิทยาลัยและเสียดายสร้อยชื่อ "แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย" ซึ่งหม่อมหลวงปิ่นได้กล่าวว่า
|
อาคารสถานที่ของโรงเรียนขณะนั้นชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โรงเรียนจึงต้องดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงเป็นการใหญ่ นอกจากนั้นก็ต้องปรับปรุงจิตใจของนักเรียนด้วย งานทางด้านนี้ที่บังเกิดผลดีคือ ได้จัดตั้งคณะกรรมการนักเรียนขึ้นเพื่อให้จัดการในเรื่องที่ควรปล่อยให้นักเรียนทำเอง ให้ใช้ห้อง ๖๐ ที่โรงหัตถกรรมเป็นสำนักงานเรียกกรรมการนักเรียนนี้ว่า "กรรมการห้อง ๖๐" ซึ่งถือได้ว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจัดตั้งคณะกรรมการนักเรียนขึ้นมาเป็นครั้งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้แบ่งนักเรียนออกเป็นคณะ ๆ รวม 6 คณะ แต่ละคณะให้มี "สี" ประจำคณะ (ปัจจุบัน มี 7 สี ได้แก่ สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีแดง สีแสด สีม่วง และสีบานเย็น) และมีการแข่งขันกีฬาสีเป็นโรงเรียนแรก อีกด้วย
แต่เรื่องสำคัญที่สุดในปี พ.ศ. 2490 ก็ย่อมเป็นเรื่องขยายการศึกษา กล่าวคือเมื่อโรงเรียนรัฐบาลอื่น ๆ และโรงเรียนราษฎร์ต่างก็จัดชั้นเตรียมอุดมศึกษาได้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจึงไม่มีความสำคัญมากนัก แต่มีผู้มีความสามารถอยู่เป็นจำนวนมาก ประจวบกับเป็นเวลาหลังสงคราม กระทรวงศึกษาธิการกำลังขยายการศึกษา ต้องการครูชั้นสูงเป็นจำนวนมาก คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติให้จัดตั้งแผนกฝึกหัดครูมัธยมขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2490 เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยมีอาจารย์หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร ได้ทรงเป็นหัวหน้างานใหม่นี้
ปลายปีการศึกษา 2490 (มีนาคม พ.ศ. 2491) โรงเรียนจำใจต้องให้หม่อมเจ้าวงษ์มหิป ชยางกูร โอนไปรับราชการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านได้ทรงเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการมาได้ 4 ปี
ในปี พ.ศ. 2496 จัดตั้ง โรงเรียนสาธิตปทุมวัน เพื่อเป็นหน่วยสาธิตของ แผนกฝึกหัดครูมัธยม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (ฝค.ตอ.) ซึ่งโรงเรียนนี้นับเป็นแห่งแรกที่ใช้ชื่อว่า "โรงเรียนสาธิต" โดยดำเนินงานตามรูปแบบโรงเรียนมัธยมหอวังฯ เดิม (ต่อมา ฝค.ตอ. ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น วิทยาลัยวิชาการศึกษา ปทุมวัน และ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ตามลำดับ)
ในปี พ.ศ. 2503 มีการเปลี่ยนแปลงแผนการศึกษาแห่งชาติใหม่ เรียกชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 2 เดิมว่า ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ แบ่งเป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 (มศ.4 - มศ.5) แผนกศิลปะ แผนกวิทยาศาสตร์ และแผนกทั่วไป มีหลักสูตรสองปีเท่าเดิม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จึงเป็นชื่อเฉพาะที่มีความหมายเช่นเดิม เพราะนักเรียนที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ ส่วนมากต้องการเรียนต่อระดับอุดมศึกษา
ในปี พ.ศ. 2533 กระทรวงศึกษาธิการปรับหลักสูตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ โดยหลักสูตร 2 ปี ปรับให้เป็นหลักสูตร 3 ปี (ม.4 - ม.6)
เครือข่ายวิชาการแห่งจุฬาฯ
ปัจจุบัน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มีฐานะเป็นโรงเรียนเครือข่ายวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบด้วยกัน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ โรงเรียนสาธิตปทุมวัน โดยนักเรียนของทั้ง 3 โรงเรียนนี้ จะได้รับสิทธิเข้าเรียนโครงการเรียนล่วงหน้าจุฬาฯ (CUAP Program) ในรายวิชาที่นักเรียนสนใจและถนัดเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพิเศษที่ริเริ่มขึ้นมาสำหรับนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาโดยเฉพาะ ได้แก่ โครงการพัฒนานักอักษรศาสตร์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินการโดยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ในปีการศึกษาต่อมาได้เปิดรับนักเรียนจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม และ โรงเรียนสาธิตปทุมวัน เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ยังเป็นโรงเรียนแรกในประเทศไทยที่มีการเรียนการสอนภาษาสเปน ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อีกโครงการหนึ่ง จัดการเรียนการสอนโดยคณาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายนามผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ลำดับ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | |
1. | | ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล (24 ตุลาคม พ.ศ. 2446 — 5 ตุลาคม พ.ศ. 2538) | พ.ศ. 2480 | พ.ศ. 2487 | |
2. | | สนั่น สุมิตร (12 เมษายน พ.ศ. 2453 — 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2539) | พ.ศ. 2487 | พ.ศ. 2493 | |
3. | | สงวน เล็กสกุล (8 มกราคม พ.ศ. 2452 — 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505) | พ.ศ. 2494 | พ.ศ. 2505 | |
4. | | คุณหญิง บุญเลื่อน เครือตราชู (13 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 — 7 มีนาคม พ.ศ. 2555) | พ.ศ. 2507 | พ.ศ. 2518 | |
5. | | คุณหญิง สุชาดา ถิระวัฒน์ (20 มิถุนายน พ.ศ. 2467 —) | พ.ศ. 2518 | พ.ศ. 2522 | |
6. | | คุณหญิง พรรณชื่น รื่นศิริ (7 เมษายน พ.ศ. 2472 — 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551) | พ.ศ. 2522 | พ.ศ. 2532 | |
7. | | คุณหญิง พรรณี กาญจนะวสิต (4 สิงหาคม พ.ศ. 2480 —) | พ.ศ. 2532 | พ.ศ. 2540 | |
8. | | สมพงศ์ ธรรมอุปกรณ์ (18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 —) | พ.ศ. 2540 | พ.ศ. 2542 | |
9. | | อัศวิน วรรณวินเวศร์ (9 ตุลาคม พ.ศ. 2483 —) | พ.ศ. 2542 | พ.ศ. 2544 | |
10. | | พรรณี เพ็งเนตร (19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 —) | พ.ศ. 2544 | พ.ศ. 2548 | |
11. | | พิศวาส ยุติธรรมดำรง (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 —) | พ.ศ. 2548 | พ.ศ. 2551 | |
12. | | วิศรุต สนธิชัย (11 มกราคม พ.ศ. 2496 —) | พ.ศ. 2551 | พ.ศ. 2556 | |
13. | | ปรเมษฐ์ โมลี (6 กันยายน พ.ศ. 2501 —) | พ.ศ. 2556 | พ.ศ. 2561 | |
14. | | โสภณ กมล (25 เมษายน พ.ศ. 2503 —) | พ.ศ. 2561 | พ.ศ. 2563 |
รายพระนามและรายนามนักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียง (เรียงลำดับตามรุ่น)
รายพระนามและรายนาม | รุ่น | เกียรติประวัติ |
---|---|---|
ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล | ต.อ. 1 |
|
คุณหญิงสุชาดา ถิระวัฒน์ | ต.อ. 1 |
|
ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค | ต.อ. 3 |
|
คุณหญิงพรรณชื่น รื่นศิริ | ต.อ. 7 |
|
จุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา | ต.อ. 7 |
|
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี | ต.อ. 10 |
|
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ | ต.อ. 10 |
|
อนันต์ อนันตกูล | ต.อ. 10 |
|
ดร.จุลพงศ์ จุลละเกศ | ต.อ. 16 |
|
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ | ต.อ. 16 |
|
รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชชัย สุมิตร | ต.อ. 20 |
|
ยงยุทธ วิชัยดิษฐ | ต.อ. 21 |
|
ศาสตราจารย์ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ | ต.อ. 23 |
|
ศาสตราจารย์ ดร. สุทัศน์ ยกส้าน | ต.อ. 24 |
|
ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม | ต.อ. 25 |
|
ดร.คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา | ต.อ. 28 |
|
ศ.พิเศษ ดร.ชัยเกษม นิติสิริ | ต.อ. 28 |
|
ดร.ธาริษา วัฒนเกส | ต.อ. 28 |
|
รศ.ดร. จุลชีพ ชินวรรโณ | ต.อ. 29 |
|
รองศาสตราจารย์ วุฒิชัย กปิลกาญจน์ | ต.อ. 31 |
|
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ | ต.อ. 33 |
|
ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ | ต.อ. 33 |
|
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ | ต.อ. 34 |
|
วรพิศ รัตนากร | ต.อ. 35 |
|
พงศ์เทพ เทพกาญจนา | ต.อ. 35 |
|
กิตติรัตน์ ณ ระนอง | ต.อ. 37 |
|
ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เลิศไพฑูรย์ | ต.อ. 39 |
|
อภิรักษ์ โกษะโยธิน | ต.อ. 39 |
|
กษิติ กมลนาวิน | ต.อ. 39 |
|
รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ | ต.อ. 44 |
|
ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ | ต.อ. 44 |
|
บุญยอด สุขถิ่นไทย | ต.อ. 44 |
|
อาคารและสถานที่ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ตึก 1
- ตึก 2
- ตึก 3
- หอสมุด ม.ล.ปิ่น มาลากุล
- ตึกคุณหญิงหรั่ง กันตารัติ
- ตึก 50 ปี
- ตึก 55 ปี
- ตึก 60 ปี
- ตึกเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
- ตึก 8
- ตึก 9
- ตึกศิลปะ
- ตึกวิทยาศาสตร์ (ถูกรื้อถอนเมื่อปี พ.ศ. 2560)
- หอประชุม
- โรงพลศึกษา
- พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5
- ศาลพระปริวรรติเทพ
- ศาลาพักร้อน
- อาคารนันทนาการ
- ศาลาดนตรีไทย
- ลานอเนกประสงค์ 70 ปี
- เรือนเพาะชำเกษตร
- สมาคมนักเรียนเก่า ต.อ.ฯ
- ศาลาอเนกประสงค์
- ศาลาประชาสัมพันธ์
- ศาลาปิ่นหทัย
- สวนหินปิ่นหทัย
- ศาลาพระเกี้ยวแก้ว
หลักสูตรที่เปิดสอน
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ โดยแบ่งตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เน้นดังนี้
วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ แบ่งกลุ่มย่อยตามวิชาเลือกได้อีก 6 กลุ่ม คือ
- ภาษาเยอรมัน
- ภาษาญี่ปุ่น
- ภาษาฝรั่งเศส
- ภาษาจีน
- ภาษาเกาหลี
- ภาษาสเปน
- ภาษา-คณิตศาสตร์ 3 ห้อง เรียนเพิ่มวิชาบริหารจัดการและเลือกเรียนภาษาต่างประเทศที่ 2 อีก 1 ภาษา (ภาษาจีน หรือ ภาษาญี่ปุ่น หรือ ภาษาเกาหลี)
- ภาษา-ภาษา เรียนเพิ่มวิชาคุณภาพชีวิต โดยแบ่งกลุ่มวิชาภาษาที่เลือกได้ 5 กลุ่ม คือ
ภาษาฝรั่งเศส 2 ห้อง
ภาษาเยอรมัน 2 ห้อง
ภาษาญี่ปุ่น 2 ห้อง
ภาษาสเปน 0.5 ห้อง (รวมกับนักเรียนภาษาจีนเป็น 1 ห้อง)
ภาษาจีน 1.5 ห้อง
ภาษาเกาหลี 1 ห้อง
กิจกรรมนักเรียน
- คณะกรรมการนักเรียน
- คณะกรรมการงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
- คณะกรรมการชมรม
- คณะกรรมการสวนพฤกษศาสตร์
- คณะกรรมการตึกเรียน
- งานนิทรรศการวิชาการ
- กีฬาภายในประจำปี
- งานชมรมนิทรรศ
- Dance for Health
- งานสืบสานวัฒนธรรมไทย
- กีฬาประเพณีเตรียมอุดม-เตรียมทหาร
- งานปัจฉิมนิเทศ
- งานมุทิตาจิต
- พิธีไหว้ครูประจำปี
- งานคืนสู่เหย้า
- วันปรับพื้นฐานนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
- วันประกาศผลสอบเข้า
- กีฬาประเพณีเตรียมอุดม-สวนกุหลาบฯ
- ประเพณีวิ่งสามสระ
กีฬา 5 พระเกี้ยว (อดีต) ประกอบด้วย เตรียมอุดมฯ เตรียมฯน้อมเกล้า เตรียมฯพัฒนาการ หอวัง และบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
รายนามกลุ่มโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
รายนามกลุ่มโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |||||||
ลำดับ | ชื่อสถาบัน | อักษรย่อ | วันที่ก่อตั้ง | วันที่ร่วมเครือข่าย | สถานะ | ที่ตั้ง | |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1. | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | ต.อ. TU | 3 มกราคม พ.ศ. 2481 (81 ปี) | ประกาศจัดตั้ง | เลขที่ 227 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 | ||
2. | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคใต้ | ต.อ. TUS | 23 มีนาคม พ.ศ. 2538 (24 ปี) | 6 เมษายน พ.ศ. 2540 (21 ปี) | เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนศรีวิชัย | เลขที่ 1 หมู่ 6 ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000 | |
3. | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | ต.อ. TUNE | 1 สิงหาคม พ.ศ. 2502 (59 ปี) | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2542 (19 ปี) | เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนสว่างศึกษา | เลขที่ 121 หมู่ที่ 12 ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร 47110 | |
4. | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ | ต.อ. TUN | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 (50 ปี) | 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 (15 ปี) | เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา | เลขที่ 289 หมู่ 5 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 65000 |
กีฬาสานสัมพันธ์
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา-โรงเรียนเตรียมทหาร
ครั้งที่ | เจ้าภาพ | วันที่ |
---|---|---|
1 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
2 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
3 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
4 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
5 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
6 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
7 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
8 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
9 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
10 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
11 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
12 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
13 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
14 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
15 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
16 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
17 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
18 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
19 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
20 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | |
21 | โรงเรียนเตรียมทหาร | |
22 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 17 ธันวาคม 2547 |
23 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 24 สิงหาคม 2548 |
24 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 24 สิงหาคม 2549 |
25 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 14 ธันวาคม 2550 |
26 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 12 ธันวาคม 2551 |
27 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 9 ธันวาคม 2552 |
28 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 9 ธันวาคม 2553 |
29 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 7 ธันวาคม 2555 |
30 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 13 ธันวาคม 2556 |
31 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 4 ธันวาคม 2557 |
32 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 4 ธันวาคม 2558 |
33 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 9 ธันวาคม 2559 |
34 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 8 ธันวาคม 2560 |
35 | โรงเรียนเตรียมทหาร | 7 ธันวาคม 2561 |
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา-โรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน
ครั้งที่ | เจ้าภาพ | วันที่ |
---|---|---|
1 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 5 กันยายน 2557 |
2 | โรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน | 7 สิงหาคม 2558 |
3 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 3 สิงหาคม 2559 |
4 | โรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน | 4 มีนาคม 2562 |
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา-โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ครั้งที่ | เจ้าภาพ | วันที่ |
---|---|---|
1 | โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา | 4 มีนาคม 2559 |
2 | โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย |
ดูเพิ่ม
- สมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษา ในพระบรมราชูปถัมภ์
- กีฬา 5 พระเกี้ยว
อ้างอิง
- หนังสือ ๗๐ ปี เตรียมอุดมศึกษา
↑ จำนวนนักเรียน
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ: โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา |
- เว็บไซต์โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากมัลติแมป หรือโกลบอลไกด์
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°44′26″N 100°31′51″E / 13.740625°N 100.530760°E / 13.740625; 100.530760
- คู่มือนักเรียน ครู และผู้ปกครองโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
|
|
|